E-Books

ค้นหา

สถิติผู้เข้าชมเว็บไซต์

เนื้อหาที่เปิดอ่าน
5680784

whosonline

มี 36 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

คิหิปฏิบัติ

     ประโยชน์ปัจจุบัน

        ๑. อุฏฐานสัมปทา   ถึงพร้อมด้วยความหมั่น ในการประกอบกิจการเครื่องเลี้ยงชีพก็ดี

                           ในดารศึดษาเล่าเรียนก็ดี  ในการทำหน้าที่ของนเองก็ดี

        ๒. อารักขสัมปทา  ถึงพร้อมด้วยการรักษา  คือรักษาทรัพย์ที่แสวงหามาได้ด้วยความหมั่น

                          ไม่ให้เป็นอันตรายก็ดี  รักษาการงานของตนไม่ให้เสื่อมเสียไปก็ดี

        ๓. กัลยาณมิตตตา  ความมีเพื่อนเป็นคนดี  ไม่คบคนชั่ว
        ๔. สมชีวิตา       ความเลี้องชีวิตตามสมควรแก่กำลังทรัพย์ที่ทำ  ได้ไม่ให้ฝึดเคืองนัก 

                         ไม่ให้ฟูมฟายนัก

    ประโยชย์ภายหน้า  ๔

       ๑. สัทธาสัมปทา  ถึงพร้อมด้วยศรัทธา คือเชื่อสิ่งที่ควรเชื่อ เช่นเชื่อว้า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นต้น
       ๒. สีลสัมปทา    ถึงพร้อมด้วยศีล  คือรักษากายวาจาเรียบร้อยดีไม่มีโทษ
       ๓.  จาคสัมปทา   ถึงพร้อมด้วยการบริจาคทาน  เป็นการเฉลี่ยสุขให้แก่ผู้อื่น
       ๔. ปัญญาสัมปทา ถึงพร้อมด้วยปัญญา  รู้จักบาป  บุญ  คุณโทษ ประโยน์ มิใช่ประโยชน์ เป็นต้น

 

    ลักษณะของมิตรที่จะเลือกคบด้วย (เพื่อน)

         ๑. มิตรเทียม (เพื่อนไม่ดี) มี  ๔  จำพวก

(๑.)    ปอกลอก

(๒)   คนดีแต่พูด

(๓)  คนหัวประจบ

(๔)  คนชวนในทางฉิบหาย

 

คนปอกลอก มีลักษณะ  ๔

               ๑. คิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว

               ๒. เสียให้น้อย คิดเอาให้ได้มาก

               ๓. เมื่อมีภัยแก่ตัว  จึงรับทำกิจของเพื่อน

               ๔. คบเพื่อนเพราะเห็นแก่ประโยชน์ของตัว

               คนดีแต่พูด  มีลักษณะ  ๔

               ๑. เก็บเอาของล่วงแล้วมาปราศรัย

               ๒. อ้างเอาของที่ยังไม่มีมาปราศรัย

               ๓. สงเคราะห์ด้วยสิ่งหาประโยชน์มิได้

               ๔. ออกปากพึ่งมิได้

              คนหัวประจบ  มีลักษณะ  ๔

               ๑. จะทำชั่วก็คล้อยตาม

               ๒. จะทำดีก็คล้อยตาม

               ๓. ต่อหน้าว่าสรรเสริญ

               ๔. ลับหลังตั้งนินทา

            คนชักชวนในทางฉิบหาย มีลักษณะ มี  ๔

               ๑. ชักชวนดื่มน้ำเมา

               ๒. ชักชวนเที่ยวกลางคืน

               ๓. ชักชวนให้มัวเมาในการเล่น

               ๔. ชักชวนเล่นการพนัน

 

      มิตรแท้ (เพื่อนแท้) มี  ๔  จำพวก

               ๑. มิตรมีอุปการะ

               ๒. มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์

               ๓. มิตรแนะประโยชน์

               ๔. มิตรมีความรักใคร่

      มิตรมีอุปการะมี  ลักษณ  ๔

               ๑. ป้องกันเพื่อนผู้ประมาทแล้ว

               ๒. ป้องกันทรัพย์สมบัติของเพื่อนผู้ประมาทแล้ว

               ๓. เมื่อมีภัย เป็นที่พึ่งพำนักได้

               ๔. เมื่อมีธุระ ช่วยออกทรัพย์ให้เกินกว่าที่ออกปาก

       มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์ มีลักษณะ  ๔

               ๑. ขยายความลับของตนแก่เพื่อน

               ๒. ปิดความลับของเพื่อนไม่ให้แพร่งพราย

               ๓. ไม่ละทิ้งในยามวิบัติ

               ๔. แม้ชีวิตก็อาจสละแทนได้

        มิตรแนะนำประโยชน์ มีลักษณะ  ๔

               ๑. ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว

               ๒. แนะนำให้ตั้งอยู่ในความดี

               ๓. ให้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง

               ๔. บอกทางสวรรค์ให้

        มิตรมีความรักใคร่  มีลักษณะ ๔

               ๑. ทุกข์  ๆ  ด้วย

               ๒. สุข  ๆ  ด้วย

               ๓. โต้เถียงคนที่พูดติเตียนเพื่อน

               ๔. รับรองคนที่พูดสรรเสริญเพื่อน

 

          สังคหวัตถุ  ๔  อย่าง

                ๑.  ทาน  ให้ปันสิ่งของของตนแก่ผู้อื่นที่ควรให้ปัน

                ๒. ปิยวาจา เจรจาวาจาที่อ่อนหวาน

                ๓. อัตถจริยา ประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น

                ๔. สมานัตตา     ความเป็นคนมีตนเสมอไม่ถือตัว

 

          สุขของคฤหัสถ์  ๔  อย่าง

               ๑. สุขเกิดแต่ความมีทรัพย์

               ๒. สุขเกิดแต่การจ่ายทรัพย์บริโภค

               ๓. สุขเกิดแต่ความไม่ต้องเป็นหนี้

               ๔. สุขเกิดแต่ประกอบการงาานที่ปราศจากโทษ

      ความปรารถนาของบุคคลในโลกที่ได้สมหมายโดยยาก  ๔  อย่าง

               ๑. ขอสมบัติจงเกิดมีแก่เราโดยทางที่ชอบ

               ๒. ขอยศจงเกิดมีแก่เราและญาติพวกพ้อง

               ๓. ขอเราจงรักษาอายุให้ยืนนาน

               ๔. เมื่อสิ้นชีพแล้ว ขอเราไปบังเกิดในสวรรค์

      ธรรมเป็นเหตุให้สมหมาย  มีอยู่  ๔  อย่าง

               ๑.  สัทธาสัมปทา   ถึงพร้อมด้วยศรัทธา

               ๒. สีลสัมปทา      ถึงพร้อมด้วยศีล

               ๓. จาคสัมปทา     ถึงพร้อมด้วยการบริจาค

               ๔. ปัญญาสัมปทา  ถึงพร้อมด้วยปัญญา

       ตระกูลอันมั่งคั่งจะตั้งอยู่นานไม่ได้  เพราะสถาน  ๔

               ๑. ไม่แสวงหาพัสดุที่หายแล้ว

               ๒. ไม่บูรณะพัสดุที่คร่ำคร่า

               ๓. ไม่รู้จักประมาณในหารบริโภคสมบัติ

               ๔. ตั้งสตรีหรือบุรุษทุศีลให้เป็นแม่เรือนพ่อเรือน

       ธรรมของฆราวาส  ๔

               ๑.  สัจจะ    สัตย์ซื่อแก่กัน

               ๒. ทมะ      รู้จักข่มจิตของตน

               ๓. ขันติ      อดทน

               ๔. จาคะ      สละให้ปันสิ่งของของตนแก่คนที่ควรให้ปัน

       สมบัติของอุบาสก  ๕  ประการ

               ๑. ประกอบด้วยศรัทธา

               ๒. มีศีลบริสุทธิ์

               ๓. ไม่ถือมงคลตื่นข่าว คือเชื่อกรรม  ไม่เชื่อมงคลตื่นข่าว

               ๔. ไม่แสวหาเขตบุญนอกพระพุทธศาสนา

               ๕. บำเพ็ญบุญแต่ในพุทธศาสนา

 

          ทิศ  ๖

                ๑.  ทิศเบื้องหน้า   ได้แก่มารดา บิดา

                ๒. ทิศเบื้องขวา   ได้แก่ อาจารย์

                ๓.  ทิศเบื้องหลัง ได้แก่บุตรภรรยา

                ๔.  ทิศเบื่องซ้าย  ได้แก่มิตร

                ๕.  ทิศเบื้องต่ำ  ได้แก่บ่าว

                ๖.  ทิศเบื้องบน  ได้แก่ สมณพราหมณ์

 

          ทิศเบื้องหน้า ได้แก่ มารดา บิดา บุตรพึงบำรุงสถาน  ๕

                ๑. ท่านได้เลียงมาแล้ว เลี้ยงท่านตอบ

                ๒. ทำกิจของท่าน

                ๓. ดำรงวงศ์สกุล

                ๔. ประพฤติตนให้เป็นคนควรรับมรดก

                ๕. เมื่อท่านล่วงลีบไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน

          มารดาบิดาได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์บุตรด้วยสถาน  ๕

                ๑. ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว

                ๒. ให้ตั้งอยู่ในความดี

                ๓. ให้ศึกษาศิลปวิทยา

                ๔. หาภรรยาที่สมควรให้

                ๕. มอบทรัพย์ให้ในสมัย

         ทิศเบื้องขวาได้ แก่ อาจารย์  ศิษย์พึงบำรุงด้วยสถาน ๕

                ๑. ด้วยการลุกขึ้นยืนรับ

                ๒. ด้วยเข้าไปยืนคอยรับใช้

                ๓. ด้วยเชื่อฟัง

                ๔. ด้วยอุปปัฏฐาก

                ๕. ด้วยเรียนศิลปวิทยาโดยเคารพ

        อาจารย์ได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราพห์ศิษย์ด้ายสถาน ๕

                ๑. แนะนำดี

                ๒. ให้เรียนดี

                ๓. บอกศิลป์ให้สิ้นเชิง ไม่ปิดบังอำพราง

                ๔. ยกย่องให้ปรากฏในเพื่อนฝูง

                ๕. ทำความป้องกันในทิศทั้งหลาย

         ทิศเบื้องหลัง ภรรยา  สามีพึงบำรุงด้วยสถาน ๕

                ๑. ด้วยยกย่องนับถือว่าเป็นภรรยา

                ๒. ด้วยไม่ดูหมิ่น

                ๓. ด้วยไม่ประพฤติล่วงใจ

                ๔. ด้วยมอบความเป็นใหญ่ให้

                ๕. ด้วยให้เครื่องแต่งต้ว

       ภรรยาได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์สามีด้วยสถาน ๕

                ๑. จัดการงานดี

                ๒. สงเคระห์คนข้างเคียงของสามีดี

                ๓. ไม่ประพฤติล่วงใจสามี

                ๔. รักษาทรัพย์ที่สามีหามาได้ไว้

                ๕. ขยันไม่เกียจคร้านในกิจการทั้งปวง

       ทิศเบื้องซ้าย มิตร กุลบุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕

               ๑. ด้วยให้ปัน

               ๒. ด้วยเจรจาถ้อยคำไพเราะ

               ๓. ด้วยประพฤติประโยชย์

               ๔. ด้วยความเป็นผู้มีตนเสมอ

               ๕. ด้วยไม่แกล้งกล่าวไห้คลาดจากความเป็นจริง

       มิตร ได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว  ย่อมอนุเคระห์กุลบุตรด้วยสถาน ๕

              ๑.รักษามิตรผู้ประมาทแล้ว

              ๒. รักษาทรัพย์ของมิตรผู้ประมาทแล้ว

              ๓. เมื่อมีภัย เอาเป็นที่พึ่งพำนักได้

              ๔. ไม่ละทิ้งในยามวิบัติ

              ๕. นับถือตลอดถึงวงศ์ของมิตร

      ทิศเบื้องต่ำ บ่าว นายพึงบำรุงด้วยสถาน ๕

             ๑. ด้วยจัดการงานไห้ทำตามสมควรแก่กำลัง

             ๒. ด้วยให้อาหารและรางวัล

             ๓. ด้วยรักษาพยาบาลในเวลาเจ็บไข้

             ๔. ด้วยแจกของมีรสแปลกประปลาดให้กิน

             ๕. ด้วยปล่อยในสมัย

     บ่าวได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว  ย่อมอนุเคราะห์นายด้วยสถาน ๕

             ๑. ลุกขึ้นทำงานก่อนนาย

             ๒. เลิกการงานที่หลังนาย

             ๓. ถือเอาแต่ของนายให้

             ๔. ทำการงานไห้ดีขึ้น

             ๕. นำคุณของนายไปสรรเสริญในที่นั้น  ๆ

       ทิศเบื้องบน สมณพราหมณ์ กุลบุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕

             ๑. ด้วยกายกรรม คือทำอะไร ๆ ประกอบด้วยเมตตา

             ๒. ด้วยวจีกรรม   คือพูดอะไร  ๆ ประกอบด้วยเมตตา

             ๓. ด้วยมโมกรรม  คือ คิดอะไร ๆ ประกอบเมตตา

             ๔. ด้วยความเป็นผู้ไม่ปิดประตู คือมิได้ห้ามเข้าบ้านเรีอน

             ๕. ด้วยไห้อามิสทาน

        สมณพราหมณ์ได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคระห์กุลบุตรด้วยสถาน ๖

            ๑. ห้ามไม่ให้กระทำความชั่ว

            ๒. ให้ตั้งอยู่ในความดี

            ๓. อนุเคระห์ด้วยน้ำใจอันงาม

            ๔. ให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยได้ฟัง

            ๕. สิ่งที่เคยได้ฟังแล้วให้แจ่มแจ้ง

            ๖. บอกทางสวรรค์ให้

        อบายมุข  คือเหตุเครื่องฉิบหาย

            ๑. ดื่มน้ำเมา

            ๒. เที่ยวกลางคืน

            ๓. เที่ยวดูการเล่น

            ๔. เล่นการพนัน

            ๕. คบคนชั้วเป็นมิตร

            ๖. เกียจคร้านทำการงาน

       ดื่มน้ำเมา มีโทษ  ๖

             ๑. เสียทรัพย์

             ๒. ก่อการทะลาะวิวาท

             ๓. เกิดโรค

             ๔. ต้องติเตียน

             ๕. ไม่รู้จักอาย

             ๖. ทอนกำลังปัญญา

       เทียวกลางคืน มีโทษ  ๖

             ๑. ชื่อว่าไม่รักษาตัว

             ๒. ช่ือว่าไม่รักษาลูกเมีย

             ๓. เชื่อว่าไม่รักษาทรัพย์สมบัติ

             ๔. เป็นที่ระแวงของคนทั้งหลาย

             ๕. มักถูกใส่ความ

             ๖. ได้รับความลำบากมาก

       เที่ยวดูการละเล่น มีโทษตามวัตถุที่ไปดู ๖

             ๑. รำที่ไหนไปที่นั้น

             ๒. ขับร้องที่ไหนไปที่นั้น

             ๓. ดีดสีตีเป่าที่ไหนไปที่นัน

             ๔. เสภาที่ไหนไปที่นั้น

             ๕. เพลงที่ไหนไปที่นั้น

             ๖. เถิดเทิงที่ไหนไปที่นั้น

       เล่นการพนัน มีโทษ ๖

             ๑. เมื่อชนะย่อมก่อเวร

             ๒. เมื่อแพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป

             ๓. ทรัพย์ย่อมฉิบหาย

             ๔. ไม่มีใครเชื่อถือถ้อยคำ

             ๕. เป็นหมิ่นประมาทของเพื่อน

             ๖. ไมมีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย

        คบคนชั่วเป็นมิตร มีโทษตามบุคคลที่คบ ๖

             ๑. นำให้เป็นนักเลงการพนัน

             ๒. นำให้เป็นนักเลงการพนัน 

             ๓. นำให้เป็นนักเลงเจ้าชู้

             ๔. นำให้ป็นนักเลงเหล้า

             ๕. นำไให้เป็นลวงเขาซึ่งหน้า

             ๖. นำให้เป็นคนหัวไม้

      เกียจคร้านทำการงาน   มีโทษ ๖

             ๑. มักอ้างว่า หนาวนัก  แล้วไม่ทำการงาน

             ๒. มักอ้างว่า  ร้อนนัก  แล้วไม่ทำงาน

             ๓. มักอ้างว่า เย็นแล้ว  ไม่ทำการงาน

             ๔. มักอ้างว่า  เช้าอยู่  แล้วไม่ทำการงาน

             ๕. มักอ้างว่า หิวนัก  แล้วไม่ทำการงาน

             ๖. มักอ้างว่า  ระหายนัก  แล้วไม่ทำการงาน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

วิดีโอ

WatpaLA-Youtube

Copyright ©2554 วัดป่าธรรมชาติ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา