คิหิปฏิบัติ
ประโยชน์ปัจจุบัน
๑. อุฏฐานสัมปทา ถึงพร้อมด้วยความหมั่น ในการประกอบกิจการเครื่องเลี้ยงชีพก็ดี
ในดารศึดษาเล่าเรียนก็ดี ในการทำหน้าที่ของนเองก็ดี
๒. อารักขสัมปทา ถึงพร้อมด้วยการรักษา คือรักษาทรัพย์ที่แสวงหามาได้ด้วยความหมั่น
ไม่ให้เป็นอันตรายก็ดี รักษาการงานของตนไม่ให้เสื่อมเสียไปก็ดี
๓. กัลยาณมิตตตา ความมีเพื่อนเป็นคนดี ไม่คบคนชั่ว
๔. สมชีวิตา ความเลี้องชีวิตตามสมควรแก่กำลังทรัพย์ที่ทำ ได้ไม่ให้ฝึดเคืองนัก
ไม่ให้ฟูมฟายนัก
ประโยชย์ภายหน้า ๔
๑. สัทธาสัมปทา ถึงพร้อมด้วยศรัทธา คือเชื่อสิ่งที่ควรเชื่อ เช่นเชื่อว้า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นต้น
๒. สีลสัมปทา ถึงพร้อมด้วยศีล คือรักษากายวาจาเรียบร้อยดีไม่มีโทษ
๓. จาคสัมปทา ถึงพร้อมด้วยการบริจาคทาน เป็นการเฉลี่ยสุขให้แก่ผู้อื่น
๔. ปัญญาสัมปทา ถึงพร้อมด้วยปัญญา รู้จักบาป บุญ คุณโทษ ประโยน์ มิใช่ประโยชน์ เป็นต้น
ลักษณะของมิตรที่จะเลือกคบด้วย (เพื่อน)
๑. มิตรเทียม (เพื่อนไม่ดี) มี ๔ จำพวก
(๑.) ปอกลอก
(๒) คนดีแต่พูด
(๓) คนหัวประจบ
(๔) คนชวนในทางฉิบหาย
คนปอกลอก มีลักษณะ ๔
๑. คิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว
๒. เสียให้น้อย คิดเอาให้ได้มาก
๓. เมื่อมีภัยแก่ตัว จึงรับทำกิจของเพื่อน
๔. คบเพื่อนเพราะเห็นแก่ประโยชน์ของตัว
คนดีแต่พูด มีลักษณะ ๔
๑. เก็บเอาของล่วงแล้วมาปราศรัย
๒. อ้างเอาของที่ยังไม่มีมาปราศรัย
๓. สงเคราะห์ด้วยสิ่งหาประโยชน์มิได้
๔. ออกปากพึ่งมิได้
คนหัวประจบ มีลักษณะ ๔
๑. จะทำชั่วก็คล้อยตาม
๒. จะทำดีก็คล้อยตาม
๓. ต่อหน้าว่าสรรเสริญ
๔. ลับหลังตั้งนินทา
คนชักชวนในทางฉิบหาย มีลักษณะ มี ๔
๑. ชักชวนดื่มน้ำเมา
๒. ชักชวนเที่ยวกลางคืน
๓. ชักชวนให้มัวเมาในการเล่น
๔. ชักชวนเล่นการพนัน
มิตรแท้ (เพื่อนแท้) มี ๔ จำพวก
๑. มิตรมีอุปการะ
๒. มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์
๓. มิตรแนะประโยชน์
๔. มิตรมีความรักใคร่
มิตรมีอุปการะมี ลักษณ ๔
๑. ป้องกันเพื่อนผู้ประมาทแล้ว
๒. ป้องกันทรัพย์สมบัติของเพื่อนผู้ประมาทแล้ว
๓. เมื่อมีภัย เป็นที่พึ่งพำนักได้
๔. เมื่อมีธุระ ช่วยออกทรัพย์ให้เกินกว่าที่ออกปาก
มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์ มีลักษณะ ๔
๑. ขยายความลับของตนแก่เพื่อน
๒. ปิดความลับของเพื่อนไม่ให้แพร่งพราย
๓. ไม่ละทิ้งในยามวิบัติ
๔. แม้ชีวิตก็อาจสละแทนได้
มิตรแนะนำประโยชน์ มีลักษณะ ๔
๑. ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว
๒. แนะนำให้ตั้งอยู่ในความดี
๓. ให้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง
๔. บอกทางสวรรค์ให้
มิตรมีความรักใคร่ มีลักษณะ ๔
๑. ทุกข์ ๆ ด้วย
๒. สุข ๆ ด้วย
๓. โต้เถียงคนที่พูดติเตียนเพื่อน
๔. รับรองคนที่พูดสรรเสริญเพื่อน
สังคหวัตถุ ๔ อย่าง
๑. ทาน ให้ปันสิ่งของของตนแก่ผู้อื่นที่ควรให้ปัน
๒. ปิยวาจา เจรจาวาจาที่อ่อนหวาน
๓. อัตถจริยา ประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น
๔. สมานัตตา ความเป็นคนมีตนเสมอไม่ถือตัว
สุขของคฤหัสถ์ ๔ อย่าง
๑. สุขเกิดแต่ความมีทรัพย์
๒. สุขเกิดแต่การจ่ายทรัพย์บริโภค
๓. สุขเกิดแต่ความไม่ต้องเป็นหนี้
๔. สุขเกิดแต่ประกอบการงาานที่ปราศจากโทษ
ความปรารถนาของบุคคลในโลกที่ได้สมหมายโดยยาก ๔ อย่าง
๑. ขอสมบัติจงเกิดมีแก่เราโดยทางที่ชอบ
๒. ขอยศจงเกิดมีแก่เราและญาติพวกพ้อง
๓. ขอเราจงรักษาอายุให้ยืนนาน
๔. เมื่อสิ้นชีพแล้ว ขอเราไปบังเกิดในสวรรค์
ธรรมเป็นเหตุให้สมหมาย มีอยู่ ๔ อย่าง
๑. สัทธาสัมปทา ถึงพร้อมด้วยศรัทธา
๒. สีลสัมปทา ถึงพร้อมด้วยศีล
๓. จาคสัมปทา ถึงพร้อมด้วยการบริจาค
๔. ปัญญาสัมปทา ถึงพร้อมด้วยปัญญา
ตระกูลอันมั่งคั่งจะตั้งอยู่นานไม่ได้ เพราะสถาน ๔
๑. ไม่แสวงหาพัสดุที่หายแล้ว
๒. ไม่บูรณะพัสดุที่คร่ำคร่า
๓. ไม่รู้จักประมาณในหารบริโภคสมบัติ
๔. ตั้งสตรีหรือบุรุษทุศีลให้เป็นแม่เรือนพ่อเรือน
ธรรมของฆราวาส ๔
๑. สัจจะ สัตย์ซื่อแก่กัน
๒. ทมะ รู้จักข่มจิตของตน
๓. ขันติ อดทน
๔. จาคะ สละให้ปันสิ่งของของตนแก่คนที่ควรให้ปัน
สมบัติของอุบาสก ๕ ประการ
๑. ประกอบด้วยศรัทธา
๒. มีศีลบริสุทธิ์
๓. ไม่ถือมงคลตื่นข่าว คือเชื่อกรรม ไม่เชื่อมงคลตื่นข่าว
๔. ไม่แสวหาเขตบุญนอกพระพุทธศาสนา
๕. บำเพ็ญบุญแต่ในพุทธศาสนา
ทิศ ๖
๑. ทิศเบื้องหน้า ได้แก่มารดา บิดา
๒. ทิศเบื้องขวา ได้แก่ อาจารย์
๓. ทิศเบื้องหลัง ได้แก่บุตรภรรยา
๔. ทิศเบื่องซ้าย ได้แก่มิตร
๕. ทิศเบื้องต่ำ ได้แก่บ่าว
๖. ทิศเบื้องบน ได้แก่ สมณพราหมณ์
ทิศเบื้องหน้า ได้แก่ มารดา บิดา บุตรพึงบำรุงสถาน ๕
๑. ท่านได้เลียงมาแล้ว เลี้ยงท่านตอบ
๒. ทำกิจของท่าน
๓. ดำรงวงศ์สกุล
๔. ประพฤติตนให้เป็นคนควรรับมรดก
๕. เมื่อท่านล่วงลีบไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน
มารดาบิดาได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์บุตรด้วยสถาน ๕
๑. ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว
๒. ให้ตั้งอยู่ในความดี
๓. ให้ศึกษาศิลปวิทยา
๔. หาภรรยาที่สมควรให้
๕. มอบทรัพย์ให้ในสมัย
ทิศเบื้องขวาได้ แก่ อาจารย์ ศิษย์พึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑. ด้วยการลุกขึ้นยืนรับ
๒. ด้วยเข้าไปยืนคอยรับใช้
๓. ด้วยเชื่อฟัง
๔. ด้วยอุปปัฏฐาก
๕. ด้วยเรียนศิลปวิทยาโดยเคารพ
อาจารย์ได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราพห์ศิษย์ด้ายสถาน ๕
๑. แนะนำดี
๒. ให้เรียนดี
๓. บอกศิลป์ให้สิ้นเชิง ไม่ปิดบังอำพราง
๔. ยกย่องให้ปรากฏในเพื่อนฝูง
๕. ทำความป้องกันในทิศทั้งหลาย
ทิศเบื้องหลัง ภรรยา สามีพึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑. ด้วยยกย่องนับถือว่าเป็นภรรยา
๒. ด้วยไม่ดูหมิ่น
๓. ด้วยไม่ประพฤติล่วงใจ
๔. ด้วยมอบความเป็นใหญ่ให้
๕. ด้วยให้เครื่องแต่งต้ว
ภรรยาได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์สามีด้วยสถาน ๕
๑. จัดการงานดี
๒. สงเคระห์คนข้างเคียงของสามีดี
๓. ไม่ประพฤติล่วงใจสามี
๔. รักษาทรัพย์ที่สามีหามาได้ไว้
๕. ขยันไม่เกียจคร้านในกิจการทั้งปวง
ทิศเบื้องซ้าย มิตร กุลบุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑. ด้วยให้ปัน
๒. ด้วยเจรจาถ้อยคำไพเราะ
๓. ด้วยประพฤติประโยชย์
๔. ด้วยความเป็นผู้มีตนเสมอ
๕. ด้วยไม่แกล้งกล่าวไห้คลาดจากความเป็นจริง
มิตร ได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคระห์กุลบุตรด้วยสถาน ๕
๑.รักษามิตรผู้ประมาทแล้ว
๒. รักษาทรัพย์ของมิตรผู้ประมาทแล้ว
๓. เมื่อมีภัย เอาเป็นที่พึ่งพำนักได้
๔. ไม่ละทิ้งในยามวิบัติ
๕. นับถือตลอดถึงวงศ์ของมิตร
ทิศเบื้องต่ำ บ่าว นายพึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑. ด้วยจัดการงานไห้ทำตามสมควรแก่กำลัง
๒. ด้วยให้อาหารและรางวัล
๓. ด้วยรักษาพยาบาลในเวลาเจ็บไข้
๔. ด้วยแจกของมีรสแปลกประปลาดให้กิน
๕. ด้วยปล่อยในสมัย
บ่าวได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์นายด้วยสถาน ๕
๑. ลุกขึ้นทำงานก่อนนาย
๒. เลิกการงานที่หลังนาย
๓. ถือเอาแต่ของนายให้
๔. ทำการงานไห้ดีขึ้น
๕. นำคุณของนายไปสรรเสริญในที่นั้น ๆ
ทิศเบื้องบน สมณพราหมณ์ กุลบุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑. ด้วยกายกรรม คือทำอะไร ๆ ประกอบด้วยเมตตา
๒. ด้วยวจีกรรม คือพูดอะไร ๆ ประกอบด้วยเมตตา
๓. ด้วยมโมกรรม คือ คิดอะไร ๆ ประกอบเมตตา
๔. ด้วยความเป็นผู้ไม่ปิดประตู คือมิได้ห้ามเข้าบ้านเรีอน
๕. ด้วยไห้อามิสทาน
สมณพราหมณ์ได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคระห์กุลบุตรด้วยสถาน ๖
๑. ห้ามไม่ให้กระทำความชั่ว
๒. ให้ตั้งอยู่ในความดี
๓. อนุเคระห์ด้วยน้ำใจอันงาม
๔. ให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยได้ฟัง
๕. สิ่งที่เคยได้ฟังแล้วให้แจ่มแจ้ง
๖. บอกทางสวรรค์ให้
อบายมุข คือเหตุเครื่องฉิบหาย
๑. ดื่มน้ำเมา
๒. เที่ยวกลางคืน
๓. เที่ยวดูการเล่น
๔. เล่นการพนัน
๕. คบคนชั้วเป็นมิตร
๖. เกียจคร้านทำการงาน
ดื่มน้ำเมา มีโทษ ๖
๑. เสียทรัพย์
๒. ก่อการทะลาะวิวาท
๓. เกิดโรค
๔. ต้องติเตียน
๕. ไม่รู้จักอาย
๖. ทอนกำลังปัญญา
เทียวกลางคืน มีโทษ ๖
๑. ชื่อว่าไม่รักษาตัว
๒. ช่ือว่าไม่รักษาลูกเมีย
๓. เชื่อว่าไม่รักษาทรัพย์สมบัติ
๔. เป็นที่ระแวงของคนทั้งหลาย
๕. มักถูกใส่ความ
๖. ได้รับความลำบากมาก
เที่ยวดูการละเล่น มีโทษตามวัตถุที่ไปดู ๖
๑. รำที่ไหนไปที่นั้น
๒. ขับร้องที่ไหนไปที่นั้น
๓. ดีดสีตีเป่าที่ไหนไปที่นัน
๔. เสภาที่ไหนไปที่นั้น
๕. เพลงที่ไหนไปที่นั้น
๖. เถิดเทิงที่ไหนไปที่นั้น
เล่นการพนัน มีโทษ ๖
๑. เมื่อชนะย่อมก่อเวร
๒. เมื่อแพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป
๓. ทรัพย์ย่อมฉิบหาย
๔. ไม่มีใครเชื่อถือถ้อยคำ
๕. เป็นหมิ่นประมาทของเพื่อน
๖. ไมมีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย
คบคนชั่วเป็นมิตร มีโทษตามบุคคลที่คบ ๖
๑. นำให้เป็นนักเลงการพนัน
๒. นำให้เป็นนักเลงการพนัน
๓. นำให้เป็นนักเลงเจ้าชู้
๔. นำให้ป็นนักเลงเหล้า
๕. นำไให้เป็นลวงเขาซึ่งหน้า
๖. นำให้เป็นคนหัวไม้
เกียจคร้านทำการงาน มีโทษ ๖
๑. มักอ้างว่า หนาวนัก แล้วไม่ทำการงาน
๒. มักอ้างว่า ร้อนนัก แล้วไม่ทำงาน
๓. มักอ้างว่า เย็นแล้ว ไม่ทำการงาน
๔. มักอ้างว่า เช้าอยู่ แล้วไม่ทำการงาน
๕. มักอ้างว่า หิวนัก แล้วไม่ทำการงาน
๖. มักอ้างว่า ระหายนัก แล้วไม่ทำการงาน